ความเป็นมา  “บ้านปางขอน” จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำของแม่น้ำกรณ์ และเชื่อมโยงไปถึง
แม่น้ำกกซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญหล่อเลี้ยงทั้งภาคการเกษตร การอุตสาหกรรม . ตลอดจนและการบริโภค
ของประชาชนจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง ในอดีต พื้นที่บ้านปางขอนนั้น เป็นที่อยู่อาศัยของ
ประชาชนชาวเขาเผ่าอาข่า, เย้า, มูเซอ โดยชาว“อาข่า” 
นั้นจะมีมากที่สุด และจะนิยมปลูกฝิ่นพร้อมทำไร่เลื่อน
ลอยแผ้วถางป่าต้นน้ำไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นภูเขาหัว
โล้นในที่สุด กระทั่งได้มีการก่อตั้ง โครงการสถานี
พัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดําริ บ้านปางขอน
ขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเน้นให้ประชาชนเข้า
มามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ป่า ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลํา
ธาร ด้วยการฝึกอบรมศิลปาชีพ และสอนทำการ
เกษตร พร้อมปลูกฝังความรู้เรื่องการเกษตร การอนุรัก 
ษ์ธรรมชาติแก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ดังกล่าว ให้คน
กับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างผสมกลมกลืน โดยคนเป็นผู้
พิทักษ์รักษาป่า ป่าให้ความร่มเย็น และเป็นแหล่งผลิต
อาหารของคน 
 ผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานของสถานีพัฒนาการ
เกษตรที่สูงตามพระราชดําริบ้านปางขอน จากการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ ปลูกกาแฟพันธุ์
อาราบิกา ในปี 2557 พบประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่
โครงการเป็น เครือข่าย ด้านการอนุรักษ์ เฝ้าระวังและ ประสานงานในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ครอบคลุม
พื้นที่ป่า 17,500 ไร่ หยุดยั้ง การบุกรุกทำลายป่าได้ ฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่และปรับปรุงระบบนิเวศไปแล้ว 3,650 ไร่ ประชาชนทำการเกษตรกรรมแบบอนุรักษ์ดินและ
น้ำในระบบ Agroforestry ไปแล้ว 88.52 % จากพื้น
ที่ทำกินเดิม 2,500 ไร่ ช่วงปลายปี 2558 บริษัท ที ซี เกษตร จำกัด ได้รับทราบข้อมูลถึงปัญหารายได้จากการจำหน่ายผลผลิตเมล็ดกาแฟของประชาชน ซึ่งเป็นชาวอาข่าที่ได้รับ
การจัดสรรพื้นที่ทำกินในบริเวณของโครงการสถานี
พัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านปางขอนตกต่ำลงอันเนื่องมาจากการถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง โดยบริษัทฯ 
ทราบดีว่าที่ผ่านมา รายได้จากการปลูกกาแฟของ
ประชาชนของชาวอาข่าในพื้นที่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวอาข่าหยุดพฤติกรรมเดิมแล้วหันมาให้ความสำคัญกับการปลูกกาแฟเพื่อขาย
เมล็ด จนส่งผลให้เกิดการฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำและแพร่
ขยายเพิ่มมากขึ้นเป็นวงกว้าง รวมถึงส่วนหนึ่งยังเป็น
แนวกันชนในการป้องปัญหาการปลูกพืชเสพติด ด้วย และเหนืออื่นใดการดำรงอยู่ได้ของประชาชนชาวอาข่าที่ปลูกกาแฟเพื่อจำหน่ายในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นต้น
แบบ ที่ทำให้ชาวไทยภูเขากลุ่มอื่นๆ บริเวณโดย
รอบอีก 5 หมู่บ้านเป้าหมาย ได้หันมาหยุดบุกรุกป่า
ต้นน้ำ และเริ่มที่จะเปลี่ยนมาปลูกกาแฟไปพร้อมๆ กับปลูกพืชอื่นปกคลุมดินจนกลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่กำลังขยายตัวออกไปเป็นวงกว้าง ปี2559 
 ในฐานะที่บริษัทฯมีประสบการณ์ในการนำผลผลิต
ทางการเกษตรมาดำเนินการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ เพื่อจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
 บริษัทฯ และกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจ จึงได้เข้าไปในพื้น
ที่เพื่อพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือประชาชนชาวอา
ข่าเหล่านั้น ซึ่งในเบื้องต้นได้เข้าไปช่วยเหลือโดยการ
ให้ความรู้ด้านการเพิ่มมูลค่าผลผลิต และสนับสนุน
เครื่องจักรเครื่องมือและเครื่องใช้บางส่วนแบบให้เปล่า ตลอดจนช่วยให้มีการรวมกลุ่มผลผลิตและจำหน่ายในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชน จนสามารถทำให้ชาวอาข่า
รวมตัวกันจัดตั้ง เป็นวิสาหกิจชุมชนกาแฟอาข่าปาง
ขอนนได้เป็นผลสำเร็จ ปี 2560 บริษัทฯ ได้ประสานไปยัง บริษัท ซี พี บีแอนด์เอฟ (ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัท ซี พี รีเทลลิงค์ จำกัด ให้พิจารณาอนุเคราะห์ส่งเสริมสนับสนุนรับซื้อผลผลิตกาแฟของวิสาหกิจชุมชนกาแฟอาข่าปางขอน ผ่านการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ" ได้เป็นผลสำเร็จ